บางครั้งเราอาจจะรอให้ยางสึกจนหมดไม่เห็นลายดอกยางแล้ว จึงคิดถึงการเปลี่ยนยางเส้นใหม่ แต่ความจริงแล้วเป็นการเข้าใจผิดอย่างมาก และอาจส่งผลให้เกิดอันตรายในการขับขี่ได้ ยางทุกเส้นจะมีจุดบ่งบอกว่าควรเปลี่ยนยางเส้นใหม่ได้แล้ว
บนยางทุกเส้นจะมีตำแหน่ง TWI หรือเรียกว่าสะพานยาง ซึ่งสามารถสังเกตเห็นได้ง่ายบนแก้มยาง ณ ตำแหน่งที่มีระบุ TWI อยู่ เมื่อมองลงไปในลายดอกยางแล้วเราจะเห็นว่า จะมียางนูนขึ้นมามากกว่าตำแหน่งทั่วไป เมื่อไหร่ก็ตามที่ยางสึกจนถึงตำแหน่งยางที่นูนขึ้นมาแล้ว ก็ควรจะเปลี่ยนยางเส้นใหม่ทุกครั้งที่เปลี่ยนยางนอก ควรเปลี่ยนยางในไปพร้อมกันด้วย เพราะถ้ายางในยืดไปนานแล้ว เมื่อนำมาใส่กับยางนอกใหม่ อาจเกิดรอยพับที่ยางใน และจะทำให้เกิดการเสียดสีกันทำให้รั่วซึมได้
ยางรถมอเตอร์ไซค์ไม่มีการระบุหรือกำหนดไว้อย่างแน่นอนในเรื่องของ อายุการใช้งาน แต่ส่วนใหญ่การใช้งานจะอยู่ที่ระหว่าง 10,000 – 20,000 กม. ถ้าคิดเป็นปีก็จะอยู่ที่ประมาณ ไม่เกิน 2 ปี บวกลบนิดหน่อย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคนด้วย บางคนขับขี่ทางไกลมากกว่า 20 กม. เป็นประจำทุกวันหรือขับออกทริปบ่อย บางคนก็ใช้งานน้อย เช่นขับขี่ใช้งานระยะสั้น หรือขี่ไปจับจ่ายซื้อของเท่าที่จำเป็นเท่านั้น นอกจากการใช้งานแล้วยังจะมีปัจจัยอื่นๆเข้ามาเกี่ยวด้วยเช่นกัน นั่นก็คือ สภาพอากาศ ที่จอดรถส่วนใหญ่ เป็นอย่างไร จอดในที่ร่มหรือจอดตากแดด มีการบำรุงรักษาบ้างหรือไม่ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยหลักที่ เกี่ยวเนื่องกับอายุการใช้งานของยางแทบทั้งสิ้น
ส่วนถ้าใครที่ไม่ชัวร์เรื่องระยะทางหรือจำนวนปี เรามีวิธีสังเกตยางแบบง่ายๆมาแนะนำ
ทั้งหมดนี้เป็นการสังเกตยางรถมอเตอร์ไซค์แบบง่ายๆ ว่าถึงเวลาที่ควรเปลี่ยนแล้วหรือไม่ ถ้าหากว่ายางรถมอเตอร์ไซค์ของท่านมีจุดสังเกตเข้าข่ายทั้ง 6 ข้อที่ว่ามานี้ แนะนำให้รีบเปลี่ยนโดยด่วน! อย่ารอให้เกิดอุบัติเหตุก่อนแล้วค่อยเปลี่ยน เพราะเราคิดว่ามันไม่คุ้มอย่างแน่นอน
ในส่วนของการเพิ่มหรือลด ขนาดไซส์ยางนั้น สามารถทำได้ แต่การเพิ่มขนาดยางนั้น จะมีข้อจำกัดด้านความปลอดภัยอยู่ และลักษณะการใช้งานบนถนน รวมถึงบาลานซ์ของรถที่จะเปลี่ยนไป
หากยางมีการ Over Size หรือขนาดยางที่ใหญ่เกินไป การขับขี่ แก้มยาง หรือ ขอบยาง อาจสัมผัสกับพื้นถนนไม่เต็มที่ ยึดเกาะไม่เพียงพอ อาจจะเกิดปัญหาต่อผู้ขับขี่ที่ยังไม่ชินได้ แต่ก็อาจขึ้นอยู่กับทักษะและประสบการณ์ของแต่ละคนในการขับขี่ด้วย
เรื่องของ แรงดันลมยาง ก็มีผลต่อการใช้งานและรวมถึงประสิทธิภาพของยางด้วยจึงควรจะตรวจเช็คลมยางทุกๆ 500 กิโลเมตร หรืออาจจะขึ้นอยู่กับสภาพของการนำไปใช้งานในแต่ละครั้ง (ในการตรวจแต่ละครั้งควรจะเช็คในตอนที่ยางเย็น) เพื่อให้รักษาความแข็งแรงและประสิทธิภาพด้านอื่นๆ ของยาง
เมื่อยางมีอุณหภูมิที่สูงขึ้นเนื่องจากการใช้งาน จะมีผลทำให้ความดันลมยางมีสูงขึ้นกว่าปกติและจะค่อยๆ ลดลงกลับสู่ภาวะปกติเมื่อเราหยุดการใช้งาน ดังนั้น ไม่ควรที่จะปล่อยลมยางออกขณะที่ยางยังร้อนอยู่ สำหรับการใช้งานในระยะทางไกลๆ หรือที่ผ่านการขับขี่มาด้วยความเร็วสูงๆอยู่เป็นประจำ ควรจะเพิ่มความดันลมยางอีกประมาณ 3-5 ปอนด์/ตารางนิ้ว เพื่อช่วยให้โครงสร้างของยางนั้นมีความแข็งแรงบิดตัวน้อยลง เพิ่มการทรงตัวขณะการขับขี่ได้เป็นอย่างดี เมื่อเปลี่ยนยางเส้นใหม่ ก็ควรที่จะเปลี่ยนวาล์วเติมลมด้วยทุกครั้งนั่นเอง
ถ้าหากยางและล้อกระจายน้ำหนักไม่ถูกต้อง จะทำให้รถที่กำลังวิ่งเกิดการสั่นสะท้าน ซึ่งส่งผลต่ออายุการใช้งานของยาง ระบบช่วงล่างของรถ รวมไปถึงความสะดวกสบายในการขับขี่ การถ่วงล้อจะช่วยให้เกิดการกระจายน้ำหนักของยาง ซึ่งสามารถทำได้ด้วยการเพิ่มน้ำหนัก ณ จุดใดจุดหนึ่งที่ขอบล้อ
ทิศทางการหมุน(Rotation) ของยางมันเป็นแบบนั้นถูกต้องแล้ว (ดูตรงลูกศร) ยางลักษณะที่ลายมันกลับด้านเนี่ยมันจะเป็นเฉพาะยาง รุ่นที่ดอกยางหน้าและหลังไม่เหมือนกัน ส่วนยางที่ลายเหมือนกันทั้งหน้าหลังมันก็มีทิศทางของลายเหมือนกัน จริงๆแล้วมันก็ขึ้นอยู่กับการออกแบบของวิศวะกรผู้ผลิตของแต่ละรุ่นว่าจะทำออกมาในลักษณะไหน ยางบางรุ่นที่เป็นแบบนั้นเพื่อการรีดน้ำ ดอกยางลักษณะนี้จะรีดน้ำออกด้านข้างและแก้มยางจะอมน้ำน้อยกว่าแบบที่ลายไปในทางทิศทางปกติ? ซึ่งจะทำให้แก้มยางพร้อมสำหรับการเอียงตอนเลี้ยวโค้ง อีกอย่างลักษณะของดอกยางแบบนี้จะทำให้ยางสามารถรักษารูปทรงของดอกยางได้ดีกว่า ขณะเกิดการการเบรค หรือการรับแรงเฉือนอย่างรุนแรง ... หลักๆแล้วก็เพื่อรีดน้ำนั่นเอง แต่ก็จะเป็นทำถามอีกว่าทำไมยางหลังไม่กลับ? นั่นก็เพราะปกติรถวิ่งไปข้างหน้าแล้วเนี่ยล้อไหนมันไปก่อน ก็คือล้อหน้า ดังนั้น ก็เอาล้อหน้าไปรีดน้ำดักฝุ่นออกให้หมดก่อนที่ล้อลังจะวิ่งผ่านไปดีกว่า หากไปทำให้ดอกยางมันเยอะๆทั้งหน้าหลังแล้วเนี่ย ยางหลังมันจะสูญเสียการยึดเกาะไปค่อนข้างมาก แทนที่จะเอายางหลังไปรับภาระกับของม้าแรงบิดมหาศาลในรถบางรุ่น ดอกยางหลังมันเลยมักจะไม่ค่อยมีดอกสักเท่าไหร่ ผิดกับยางหน้า แต่จริงๆแล้วเราก็ไม่ต้องไปกังวลอะไรกับลายยางมากหรอก ใส่ตาม Rotation ของมันน่ะดีแล้วเขาคิดมาให้แล้วว่าต้องใส่แบบไหน หายางดีๆสักคู่มาใส่มีชัยไปกว่าครึ่ง
นิสัยการขับขี่มีผลต่อการสึกของยาง อย่างเช่น การออกตัวและหยุดรถอย่างรุนแรง การหักเลี้ยว อย่างรุนแรง การขับขี่ด้วยความเร็วสูง การขับขี่แบบระยะทางไกลโดยไม่หยุดพักรถ จะส่งผลให้ยางมีอุณหภูมิที่สูงในขณะที่ขับขี่ การขับโดยเหยียบสิ่งกีดขวาง หรือหลุม จะทำให้ยางสึกก่อนกำหนด ดังนั้นเพื่อเป็นการยืดอายุยาง ควรหลีกเลี่ยงนิสัยเหล่านี้
หลายคนอาจมีความเข้าใจเกี่ยวกับการเลือกซื้อยางที่ไม่ถูกเสียทีเดียว อาจได้รับข้อมูลความเชื่อที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับอายุการผลิตของยางที่ต้องเลือกที่ผลิตในปีนั้นๆเท่านั้นถึงจะใช้งานได้
จนทำให้เจ้าของรถในเมืองไทยจำนวนไม่น้อย คำนึงถึงวันผลิตที่ติดอยู่บนแก้มยางหรือ DOT มากจนเกินความจำเป็น เพราะแท้จริงแล้วการเลือกซื้อยางที่ถูกต้อง ควรเลือกซื้อยางที่มีขนาดที่ถูกต้อง เหมาะกับประเภทของรถ การใช้งาน คุณภาพ และความใส่ใจในการดูแลรักษายาง จากการศึกษาและวิจัยจากหน่วยงานภาครัฐบาลและบริษัทชั้นนำทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ พบว่า แท้จริงแล้ว วันผลิตของยางไม่ได้มีผลกับสมรรถนะของยางอย่างที่หลายคนเข้าใจ เพราะโดยปกติยางที่ผลิตออกมานั้น เมื่อมีการจัดเก็บที่ดีพอ เช่น การเก็บรักษาในอุณหภูมิที่เหมาะสม และยังไม่ได้เริ่มใช้งาน ก็จะสามารถเก็บยางเส้นนั้นๆ ได้เป็นเวลาหลายปีโดยไม่เสื่อมสภาพโดยเฉลี่ย 5 ปี
ยางคอนติเนนตัลเป็นยางจากสัญชาติ เยอรมัน Handmade in Germany ที่มีเทคโนโลยีที่โดดเด่น เน้นความปลอดภัยเป็นหลัก เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในการขับขี่ทุกเส้นทางและทุกสภาพอากาศ ด้วยเทคโนโลยีที่เป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมยาง
ยางจักรยานยนต์ Continental ทุกเส้นที่ซื้อผ่านตัวแทนจำหน่ายของ บริษัท ทูวีลส์ พาร์ทส จำกัด อย่างถูกต้อง อยู่ภายใต้การรับประกันคุณภาพจาก โรงงานผู้ผลิต โดยมีเงื่อนไขดังนี้