ทุกคนเคยสงสัยไหมครับว่ายางรถมอเตอร์ไซค์ มีกี่ประเภท จุดเด่นมีอะไรบ้าง แล้วเหมาะกับรถแบบไหน มันเป็นคำถามที่คิดว่าฟังแล้วน่าจะได้ยินอยู่บ่อยครั้งเวลาเราจะเลือกซื้อยางรถมอเตอร์ไซค์สักเส้นหนึ่งเพื่อเอามาใช้กับรถคันโปรดของคุณ วันนี้แอดมินทูวีลส์พาร์ท จะพามาไขข้อข้องใจตรงนั้นให้ครับ ก่อนจะไปทำความรู้จักกันแต่ละประเภทนั้น เรามารู้จักกับโครงสร้างก่อนดีกว่าครับ
สำหรับยางรถมอเตอร์ไซค์นั้นเป็นหัวใจสำคัญอีกอย่างสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันเพราะถ้าเราไม่มียางรถมอเตอร์ไซค์ก็ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ ยางรถมอเตอร์ไซค์ก็เปรียบเสมือนรองเท้าที่จะทำให้เราสามารถเดินหรือเคลื่อนที่ไปตามที่ต่างๆได้ นั้นจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่วันนี้เราจะพามาทำความรู้จักกัน โดยหลักๆ จะมีชั้นโครงสร้างของทั้งหมด 4 แบบ คือ
1.โครงสร้าง Radial (เรเดียล) 2.โครงสร้าง Radial Cross Belted (เรเดียล คอส เบลท์) 3.โครงสร้าง Bias (ไบแอสเบลท์) 4.โครงสร้าง CrossPly (ครอสพราย)
Radial (เรเดียล) | |
Radial Cross Belted(เรเดียล คอส เบลท์) |
|
Bias (ไบแอสเบลท์) | |
CrossPly (ครอสพราย) |
โครงสร้างแบบ Radial (เรเดียล) คือ ยางที่มีโครงสร้างยางเป็นใยเหล็ก มีส่วนช่วยให้ยางมีโครงสร้างที่แข็งแรงกว่าโครงสร้างยางแบบผ้าใบ ทำให้เวลาเบรกลึก หนักๆ โครงสร้าง เรท R จะไม่เสียรูปทำให้หน้าสัมผัสยาง ยึดเกาะกับพื้นถนนได้อย่างเต็มที่
โครงสร้างแบบ Radial Cross Belted (เรเดียล ครอส เบลท์) คือ โครงสร้างที่ต่อยอดมาจาก Radial สายของมันจะห่อหุ้มรอบยางอย่างเรื่อยๆ จากด้านหนึ่งไปสู่อีกด้านหนึ่ง ซึ่งทำให้เกิดข้อได้เปรียบในด้านความเสถียรภาพในการเข้าโค้ง ลดน้ำหนัก และสมรรถณะที่สูง
โครงสร้างแบบ Bias (ไบแอส) คือ ยางที่ทำจากชั้นผ้าใบที่จัดเรียงทำมุมต่อกัน แต่ละชั้นถูกวางไว้เพื่อให้เส้นใยมีรูปแบบเป็นกากบาท โครงสร้างทั้งหมดมีลักษณะเดียวกัน หน้ายาง และแก้มยางมีคุณสมบัติทางกลที่คล้ายกัน โดยจะสามารถแบกรับน้ำหนักได้มาก
โครงสร้างแบบ CrossPly (ครอสไพน์) คือ โครงสร้างยางธรรมดาหรือครอสไพน์ ที่มีโครงสร้างโดยใช้ชั้นที่ซ้อนกันสองชั้นขึ้นไป ชั้นแต่ละชั้นทำจากเส้นใยที่เคลือบด้วยยางและมุมซ้อนทับได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ยางมีลักษณะแบบไดนามิกที่ต้องการ
ยาง Tubeless คือ ยาง Radial ใช่ไหม ?
สำหรับ ยาง Tubeless กับ ยาง Radial จริงๆ แล้วมันคือคนละแบบกัน หลายคนอาจจะเข้าใจว่า ยาง Tubeless (จุ๊บเลส) กับ ยาง Radial (เรเดียล) คืออันเดียวกัน แต่ในความเป็นจริงนั้น มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด
เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน เรามาทำความเข้าใจกันให้ง่ายมากยิ่งขึ้นดีกว่า ผมจะแยกประเภทของยาง ออกเป็น 2 ประเภท ตามที่ทางเราอธิบายไว้ตามโครงสร้างยางไว้ตั้งแต่ตอนต้น ได้แก่ ยาง Bias (ไบแอส) และ ยาง Radial (เรเดียล) ซึ่งยางทั้ง 2 ประเภท สามารถเป็นได้ทั้งแบบใช้ยางใน และไม่ใช้ยางใน ยางทั้ง 2 ประเภทนี้ แตกต่างกันที่โครงสร้างของยางอย่างชัดเจน โดย ยาง Bias (ไบแอส) คือ ยางที่โครงสร้างประกอบไปด้วย
ในส่วน ยาง Radial (เรเดียล) จะมีโครงสร้างที่ต่างกันคือ โครงยางถูกจัดเรียงแบบ 0 องศาโดยแทบจะไม่มีรอยต่อของผ้าใบ แล้วใช้การเสริมชั้นผ้าใบที่ทำเป็นเข็มขัด หรืออาจจะมีการเสริมความแข็งแรงด้วยใยเหล็ก ซึ่งการที่โครงสร้างแทบจะไม่มีรอยต่อทำให้ยางมีสมดุลมากกว่าโครงสร้างแบบ ยางไบแอส ส่งผลถึงความรู้สึกในการขับขี่ด้วยความเร็วสูง ทั้งนี้ ข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจน
ข้อแตกต่างระหว่างยางเรเดียล กับยางจุ๊บเลสแบบไบแอส คือโครงสร้าง วิธีการผลิต และ สัญลักษณ์ข้างแก้มยาง ซึ่งสังเกตุกันได้ด้วยตาเปล่าก็คือ หากเป็นยางเรเดียล จะมีตัว R กำกับไว้ที่แก้มยาง ส่วนถ้าเป็นยางจุ๊บเลสแบบไบแอส จะมีคำว่า Tubeless กำกับ
หลังจากที่เราได้รู้จักเกี่ยวกับโครงสร้างยางรถแล้ว ต่อไปจะพาทุกคนมารู้จักกับยางแต่ละประเภทกันว่าจะเป็นยังไง หลักๆ ยางรถจะมีอยู่ 4 ประเภท คือ
ยาง Hyper Sport | |
ยาง Sport Touring | |
ยาง Touring Adventure | |
ยาง Hyper Racing |
ยางประเภทที่ 1 คือ ยาง Hyper Sport เป็นยางรถมอเตอร์ไซค์ทั่วไปที่ใช้กันตามท้องถนน เหมาะกับการขับขี่ทั่วไปบนทางเรียบ ส่วนประกอบ รูปแบบ ลวดลายและหน้าตาของดอกยางนั้นจะแตกต่างกันไป โดยกลุ่มนี้เราจะเรียกว่า Sport / Hyper Sport โดยจะมี ContiSportAttack4 , ContiSportAttack2 โดยทั้งคู่นั้นเป็นยาง Radial ที่เหมาะกับการใช้งานในกลุ่มนี้
ContiSportAttack4 |
ContiSportAttack2 |
จุดเด่นของยางประเภทนี้ คือ เน้นการยึดเกาะถนนได้ดี และมีความยืดหยุ่น มีดอกยางที่ช่วยรีดน้ำ เศษฝุ่น เศษสิ่งสกปรกต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
เหมาะกับรถแบบไหน คือ รถประเภท Sport,Naked 500cc–1000cc ขึ้นไป หรือรถที่เน้นการใช้งานในเมืองเป็นหลัก ไม่ค่อยเน้นการออกทริป เช่น
Yamaha R1 + Continental Sport ATTACK 4 |
KTM DUKE 690 + Continental Sport ATTACK 2 |
ยางประเภทที่ 2 คือ ยาง Sport Touring เป็นยางประเภทสำหรับคนที่ใช้งานบนถนนทั้งทางเรียบและทางขรุขระ เส้นทางที่ไม่สม่ำเสมอได้เป็นอย่างดี และขับขี่ทางไกล มีผิวสัมผัสที่แข็ง และมีลายยางที่ลึกจึงสามารถรีดเศษดิน เศษทราย โดยกลุ่มนี้จะเรียก Sport Touring , Hyper Touring มีทั้งยางที่เป็นแบบ Radial และ Bias ในส่วนของยางแบบ Radial นั้นจะเป็นรุ่น ContiRoad Attack 4 ส่วนยางแบบ Bias นั้นจะเป็น รุ่น Conti Road, Conti Street ซึ่งเป็นยางขนาดเล็กเหมาะกับรถ 150cc-400cc
ContiRoad Attack 4 |
Conti Road |
Conti Street |
จุดเด่นของยางประเภทนี้ คือ เนื้อยางค่อนข้างแข็งมีลายของยางที่มีความลึก ลายยางที่ลึกนั้นเหมาะสำหรับการใช้งานในเส้นทางที่เป็นถนนพื้นแข็งหรือทางดิน ใช้งานทั้งในเมืองและทางไกลได้
เหมาะกับรถแบบไหน คือ รถประเภท Sport,Naked,Adventure Touring โดยยาง Conti Road จะเหมาะสำหรับรถ 150cc – 400cc และ Conti Street จะเหมาะสำหรับรถเล็ก เช่น (Wave,CT125) ฯลฯ ในส่วนของยาง ContiRoad Attack 4 ก็จะเหมาะกับรถ 500cc – 1000cc ขึ้นไป ที่ต้องการใช้งานทั้งขับขี่ในเมืองและขับขี่ทางไกล
BMW F900R + ContiRoad Attack 4 |
MT15 + ContiRoad |
Honda Super Cub + Conti Street |
Honda Wave + Conti Street |
ยางประเภทที่ 3 คือ ยาง Touring Adventure เป็นยางสำหรับคนที่ต้องการใช้งานแบบ Enduro/Off Road ซึ่งโจทย์ในการใช้งานของสายนี้คือการเดินทางลุยป่า ขึ้นภูเขา แต่ยังสามารถวิ่งแบบ On-Road ได้ โดยจะมีความคล่องตัวสูงในการใช้งาน ความยืดหยุ่น มีดอกยางน้อย แต่มีร่องยางที่ลึกมากกว่ายางประเภทอื่นๆ สามารถช่วยรีดน้ำและเศษดินได้มากขึ้น โดยกลุ่มนี้จะเรียก Trail/Adventure เป็นยางแบบ Radial และ Bias โดยยางแบบ Radial จะมีรุ่น ContiTrailAttack 3 , ContiTKC 70 (Front), ContiTKC 70 Rocks (Rear), ส่วนยางแบบ Bias จะเป็นรุ่น ContiTKC 80 Twinduro
ContiTrailAttack 3 |
ContiTKC 70 (Front) |
ContiTKC 70 (Front) |
ContiTKC 80 Twinduro |
จุดเด่นของยางประเภทนี้ คือ มีความคล่องตัวสูง ลุยได้ทั้งทางฝุ่นและทางดำ เกาะถนนในสภาพถนนเปียกชึ้น และเหมาะกับการใช้งานทั้งแบบ On-Road และ Off-Road ซึ่งแต่ละรุ่นก็จะให้การใช้แตกต่างกัน
ContiTrailAttack 3 จะเน้นใช้งาน Off-Road เป็นหลักแต่ก็สามารถใช้วิ่งแบบ On-Road เพราะตัวนี้เป็น แบบกึ่ง On-Road
ContiTKC 70 (Front) + Conti TKC70 Rocks (Rear) จะเน้นใช้งาน On-Road 70% / Off-Road 30%
ลุยได้ทั้งทางฝุ่นและทางดำ หน้ายางเป็นแบบสลิค ออกพิเศษสำหรับการเกาะถนน
ContiTKC 80 Twinduro จะใช้งานแบบ On-Road 50% / Off-Road 50% สามารถใช้งานได้ทั้ง 2 แบบ ลุยได้ทั้งทางฝุ่นและทางดำ
เหมาะกับรถแบบไหน คือ รถประเภท Adventure,Enduro หรือรถที่ใช้ลุยภูเขา ลุยป่า และเน้นการใช้ทางฝุ่นและทางดำเป็นหลัก เหมาะกับรถที่มีขนาด 500cc – 1000cc ขึ้นไป
BMW R1250GS + ContiTKC 70 (Front) , ContiTKC 70 Rocks (Rear)
Honda CRF1100L AFRICA TWIN + ContiTKC 80 Twinduro
ยางประเภทที่ 4 คือ ยาง Hyper Racing เป็นยางที่ให้ความหนึบมากที่สุดในทุกประเภทมักถูกใช้ในรถมอเตอร์ไซค์สำหรับแข่งขัน ไม่เหมาะกับการใช้ขับขี่บนถนนสักเท่าไรนัก ยางประเภทนี้จะเรียกว่ายางสลิค ซึ่งจะไม่มีโครงยาง เนื้อยางอ่อนนุ่ม และไม่มีดอกยางจึงไม่เสียพื้นที่ผิวสัมผัสระหว่างพื้นถนนเลย อีกทั้งสามารถเอียงรถได้จนถึงขีดจำกัดเนื่องจากขอบยางของยางสลิคจะสูงจากพื้น แต่ในปัจจุบันนั้นก็จะมียางที่เป็นแบบสามารถที่ขับขี่ได้ทั้งสนามและท้องถนนทั่วไป โดยกลุ่มนี้จะเรียกว่า Racing/Slickreifen , Track/HyperSport เป็นยาง Radial ทั้งหมด มีรุ่น ContiRaceAttack 2 Medium, ContiRaceAttack Rain (NHS) ContiRaceAttack 2 Street
ContiRaceAttack 2 Medium |
ContiRaceAttack Rain (NHS) |
ContiRaceAttack 2 Street |
จุดเด่นของยางประเภทนี้ คือ มีหน้ายางที่เรียบสนิท ไร้ร่องดอกยางสำหรับรีดน้ำ (แต่ยางบางรุ่นก็มีดอกยางสำหรับรีดน้ำในการใช้งานแข่งขันเช่นกัน) เพื่อให้หน้ายางสามารถสัมผัสกับพื้นสนามได้อย่างเต็มที่ ช่วยถ่ายทอดกำลังจากเครื่องยนต์สู่พื้นได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะพื้นสนามได้เป็นอย่างดี และสามารถทำความเร็วสูงได้ด้วย
โดยยาง ContiRaceAttack Rain (NHS) เป็นยางที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานสำหรับการแข่งบนทางเปียก ออกแบบยางให้มีดอกยางเพื่อการรีดน้ำเป็นพิเศษเพื่อใช้ในการแข่งขันทางที่มีพื้นเปียกโดยเฉพาะดังนั้นจะเป็นยางสนามที่ออกแบบมาเพื่อการใช้ด้านนี้โดยเฉพาะ
เหมาะกับรถแบบไหน คือ รถประเภทสำหรับใช้ในการแข่งขันหรือซ้อมภายในสนาม ไม่ควรนำออกไปใช้บนท้องถนน แต่ยางบางตัวก็สามารถใช้งานแบบกึ่งสนามกึ่งถนนได้ เหมาะสำหรับรถที่มีขนาด 500CC ขึ้นไป
BMW S1000RR + ContiRaceAttack 2 Medium |
Suzuki GSX-R1000 + ContiRaceAttack Rain (NHS) |
BMW M1000 XR + ContiRaceAttack 2 Street |
สรุปสั้นอีกรอบๆ เกี่ยวกับยางรถมอเตอร์ไซค์นะครับโดยโครงสร้างยางจะมีทั้งหมด 4 แบบ แต่ที่เรานิยมใช้กันจะเป็นโครงสร้าง 2 แบบ คือ โครงสร้างยางแบบ Radial กับ โครงสร้างยางแบบ Bias ซึ่งทั้ง 2 มีความแตกต่างกันโดย
โครงสร้างยางแบบ Radial มีความยืดหยุ่น ความทนทานสูง หน้ายางแข็งแรงกว่า การเข้าโค้งทำได้ดีกว่ายางแบบ Bias น้ำหนักเบากว่ายาง Radial นิยมใช้กับรถความเร็วสูง (เหมาะกับรถที่ใช้ความเร็วสูงนานๆ สม่ำเสมอและใช้บนถนนเรียบ)
โครงสร้างยางแบบ Bias นั้นจะสามารถรับน้ำหนักได้มากกว่า โครงสร้าง ยางแบบ Radial เนื่องจากแก้มยางมีความแข็งแรงมาก แต่ในเรื่องของการใช้ความเร็วนั้นจะสามารถทำความเร็วได้ปานกลาง และต้องมีแชสซีที่มีความยืดหยุ่นในการใช้งาน จึงเป็นจุดด้อยที่โครงสร้างยางแบบ Radial จะได้เปรียบมากกว่าในเรื่องของการทำความเร็ว (เหมาะกับเราที่ใช้งานรับน้ำหนักของและไม่ได้ใช้ความเร็วสูง ใช้ความเร็วประมาณปานกลาง)
และยางรถจะมีอยู่ 4 ประเภท คือ 1. ยาง Hyper Sport 2. ยาง Sport Touring 3. ยาง Touring Adventure 4. ยาง Hyper Racing ดังนั้นควรเลือกใช้งานให้เหมาะสมกับโจทย์การใช้งานรถของท่านจะเป็นสิ่งที่สุด
บทความโดย : Two wheels parts team